เมนู

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [4. ปาจิตติยกัณฑ์] 7. คัพภินีวรรค สิกขาบทที่ 3 นิทานวัตถุ
7. คัพภินีวรรค

สิกขาบทที่ 3
ว่าด้วยการบวชให้สิกขมานาผู้ยังไม่ได้ศึกษาธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปี

เรื่องภิกษุณีหลายรูป
[1077] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณีทั้งหลายบวชให้สิกขมานา
ผู้ไม่ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อ1ตลอด 2 ปี สิกขมานาผู้บวชเป็นภิกษุณีเหล่านั้น
โง่เขลา ไม่ฉลาด ไม่รู้สิ่งที่ควรหรือไม่ควร
บรรดาภิกษุณีผู้มักน้อย ฯลฯ พากันตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า “ไฉน
พวกภิกษุณีจึงบวชให้สิกขมานาผู้ไม่ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีเล่า”
ครั้นแล้ว ภิกษุณีเหล่านั้นได้นำเรื่องนี้ไปบอกภิกษุทั้งหลายให้ทราบ พวกภิกษุได้
นำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ

ทรงประชุมสงฆ์บัญญัติสิกขาบท
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมสงฆ์เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ ทรง
สอบถามภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า พวกภิกษุณีบวชให้สิกขมานา
ผู้ยังไม่ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปี จริงหรือ” ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า
“จริง พระพุทธเจ้าข้า” พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงตำหนิว่า “ฯลฯ ภิกษุทั้งหลาย
ไฉนพวกภิกษุณีจึงบวชให้สิกขมานาผู้ยังไม่ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2
ปีเล่า ภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้ มิได้ทำให้คนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส
หรือทำคนที่เลื่อมใสอยู่แล้วให้เลื่อมใสยิ่งขึ้นได้เลย ฯลฯ” ครั้นทรงตำหนิแล้ว ทรง

เชิงอรรถ :
1 หมายถึงอนุปสัมบันหรือสามเณรีผู้ใคร่ศึกษา แต่ยังไม่มีภิกษุณีใดให้สิกขาหรือมีสิกขาเสียไป ที่ได้ชื่อว่า
สิกขมานา เพราะศึกษาในธรรม 6 ข้อ หรือธรรมกล่าวคือสิกขาเหล่านั้น (กงฺขา.อ. 397)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 3 หน้า :296 }


พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [4. ปาจิตติยกัณฑ์] 7. คัพภินีวรรค สิกขาบทที่ 3 นิทานวัตถุ
แสดงธรรมีกถา แล้วรับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้
ภิกษุณีสงฆ์ให้สิกขาสมมติ1ในธรรม 6 ข้อ เป็นเวลา 2 ปีแก่สิกขมานา
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้สิกขาสมมติอย่างนี้

วิธีขอสิกขาสมมติและกรรมวาจาให้สิกขาสมมติ
สิกขมานานั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง กราบเท้า
ภิกษุณีทั้งหลายแล้วนั่งกระโหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า “แม่เจ้า ดิฉันชื่อนี้
เป็นสิกขมานาของแม่เจ้าชื่อนี้ขอสิกขาสมมติในธรรม 6 ข้อเป็นเวลา 2 ปีต่อสงฆ์”
พึงขอแม้ครั้งที่ 2 พึงขอแม้ครั้งที่ 3
ภิกษุณีผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติทุติยกรรมวาจาว่า
[1078] แม่เจ้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สิกขมานาชื่อนี้ของแม่เจ้าชื่อนี้ขอ
สิกขาสมมติในธรรม 6 ข้อเป็นเวลา 2 ปีต่อสงฆ์ ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้วก็พึงให้
สิกขาสมมติในธรรม 6 ข้อเป็นเวลา 2 ปีแก่สิกขมานาชื่อนี้ นี่เป็นญัตติ
แม่เจ้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สิกขมานาชื่อนี้ของแม่เจ้าชื่อนี้ขอสิกขาสมมติ
ในธรรม 6 ข้อเป็นเวลา 2 ปีต่อสงฆ์ สงฆ์ให้สิกขาสมมติในธรรม 6 ข้อ เป็นเวลา
2 ปีแก่สิกขมานาชื่อนี้ แม่เจ้ารูปใดเห็นด้วยกับการให้สิกขาสมมติในธรรม 6
ข้อเป็นเวลา 2 ปีแก่สิกขมานาชื่อนี้ แม่เจ้ารูปนั้นพึงนิ่ง แม่เจ้ารูปใดไม่เห็นด้วย
แม่เจ้ารูปนั้นพึงทักท้วง
สิกขาสมมติในธรรม 6 ข้อเป็นเวลา 2 ปี สงฆ์ให้แก่สิกขมานาชื่อนี้แล้ว
สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้
[1079] พึงบอกสิกขมานาผู้นั้นว่า “เธอจงกล่าวอย่างนี้ว่า
1. ดิฉันขอสมาทานงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ โดยไม่ล่วงละเมิดตลอด
2 ปี
2. ดิฉันขอสมาทานงดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้ โดย
ไม่ล่วงละเมิดตลอด 2 ปี

เชิงอรรถ :
1 สิกขาสมมติ คือข้อตกลงยินยอมร่วมกันที่จะให้สิกขมานานั้นศึกษาในธรรม 6 ข้อเป็นเวลา 2 ปี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 3 หน้า :297 }